“เล่าเรื่องในอดีต : 7 ปีนักกีฬาทุนมวยสากลฯของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์"
สิทธิกร (เรืองศักดิ์) ศักดิ์แสง
หลังจากเรียนจบ ม.6 แบบทุลักทุเล (แก้ 0 หลายวิชา เพราะไม่เรียนหนังสือ ชอบเที่ยวโดยเฉพาะการเข้าป่ากับเพื่อนๆ) เข้าเรียนต่อที่มหาวิทาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คณะนิติศาสตร์ โควต้า นักกีฬาทุนมวยสากลสมัครเล่น (ไม่ต้องเสียค่าเทอม แต่ค่าใช้จ่ายอื่น ค่าที่พัก ค่ากิน ค่าใช้อื่นๆในการเรียนต้องจัดการเอง) (ผลงานมวยสากลในระดับโรงเรียน แชมป์กีฬาจังหวัด เหรียญทองแดงเยาวชนแห่งชาติ รุ่นเปเปอร์เวท (42 ก.ก.)
ปีแรก ปี 2536 ผมเข้าแข่งขันกีฬามหาลัยแห่งประเทศไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าภาพ มวยสากลสมัครเล่นแข่งที่ มาบุญครอง ผมต่อยในรุ่นพินเวท 100 ปอนด์ (45 ก.ก.) ผมได้เหรียญทอง เหรียญเดียวของทีมมวยสากลฯ ม.ธุรกิจ ต่อย 4 ครั้ง ในรอบชิงผมชิงกับ มหาลัยแม่โจ้ ผมชนะคะแนนน กลับมามหาลัยได้เสื้อสามารถของมหาลัยในปีนั้น ทางมหาลัยให้เงินรางวัลด้วย อาจารย์ ผู้บริหารของมหาลัยได้รู้จักผมโดยเฉพาะ ท่านอาจารย์ไสว สุทธิพิทักษ์ (ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ อดีตเลขาเสรีไทย สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2) ท่านได้มอบรางวัลและเสื้อสามารถให้กับผมด้วย รู้สึกเป็นเกียรติกับผมเป็นอย่างมาก
ปีที่ 2 ปี 2537 แข่งที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ผมต่อยในรุ่นพินเวท ต่อย 4 ครั้ง ได้เหรียญทอง แต่ในครั้งนี้ อุปสรรคมาก ในรอบแรกผมต่อยชนะ (อดีตแชมป์เยาวชนแห่งชาติและผมเคยพ่ายแพ้เขาในรอบรองชนะเลิศกีฬาเยาวชนแห่งชาติใน ปี 2535) และผมชนะแก้มือได้ ในรอบรองชนะเลิศ ผมต่อยกับเจ้าภาพธรรมศาสตร์ ในยกที่ 2 ต่อยโดนหัวเขารู้สึกเจ็บกระดูกข้อมือด้านขวาขึ้นมา และที่สำคัญผมถนัดขวาด้วย ยกที่ 3 ผมต้องต่อยหมัดซ้ายอย่างเดียวและเขาเดินต่อยไม่หยุด แต่ก็ชนะได้ ในรอบชิงชนะเลิศผมต้องพันผ้าแล้วต้องฉีดสเปรย์ให้มือข้างขวาให้มันในเวลาขึ้นชก ผมชิงกับ ม.เกริก นักมวยสโมสรกองทัพอากาศ ผมชนะน๊อคยกแรกไม่ถึง 10 วินาที ของยกแรก ด้วยการชก 3 หมัด ทิ้งซ้ายหน้า พร้อมอัปคัตซ้าย และต่อยขวาตรงปลายคาง ร่วงสลบ นับว่าเป็นการโชคดีที่ไม่ยืดเยื้ออันตรายกับผม (ครั้งนี้ผมได้รับบาดเจ็บจากการชกมวย คือ กระดูกข้อมือนิ้วโป้ง ขวาแตกต้องเข้าเฝือก)ในปีนั้นผมก็ได้รับเสื้อสามารถของมหาลัยอีก ชื่อเสียงผมในมหาลัยและระดับประเทศในกีฬามวยสากลรู้จักผม ในระดับสโมสรชวนไปอยู่แข่งให้กับสโมสร ในการชิงแชมป์ประเทศไทย แข่งกีฬาแข่งกีฬาแห่งชาติ แต่ผมก็ปฏิเสธ
อนึ่งกองเชียร์ของผมที่สำคัญทีมรักบี้ของมหาลัย
ปี 3 ปี 2538 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นเจ้าภาพ เป็นปีที่รุ่งเรืองของผม ผมชนะได้เหรียญทอง 3 ปีติดต่อกัน ชนะพระนครเหนือ ไม่มีนักกีฬามวยสากลสมัครในระดับกีฬามหาลัยแห่งประเทศไทย ในขณะนั้นทำได้ ผมเป็นคนแรก ได้รับรางวัลจากมหาลัย เงิน สร้อยคอ เกียรติบัตร เสื้อสามารถ
ปีที่ 4 ปี 2539 ความพ่ายแพ้ครั้งแรก มวยสากลสมัครเล่นกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ด้วยการแพ้คะแนน กับนักมวยทีมชาติชุด บี จากพระนครเหนือ ในรอบรองชนะเลิศ ในปีนั้นได้แค่เหรียญทองแดง รู้สึกเสียใจ แต่สิ่งที่ดีใจ คือ สอบเข้าเรียนต่อ ป.โท ได้และได้รับทุนกีฬามวยต่อ
ปีที่ 5 ในปี 2540 เรียน ป.โท ปีแรก และผมก็ได้ทำงานที่ ทบวงมหาวิทยาลัย กองบริการการศึกษา (ปัจจุบัน คือ สกอ.) ผมได้มีโอกาสได้แก้มือ ในรอบชิงเหรียญทองกับพระนครเหนือทีมชาติ ชุดบี และผมก็ชนะแก้มือได้ และได้ถูกเรียกตัวเก็บตัวทีมชาติ เพื่อคัดตัวไปแข่งซีเกมส์ที่บรูไนท์ และผมก็สละสิทธิ์ เพราะต้องการมีเวลาเรียน ป.โท รวมทั้งลาออกจากงานด้วย
ปีที่ 6 2541 เรียนป.โท ปีที่ 2 แข่งที่เกษตศาสตร์ กำแพงแสน ความพ่ายแพ้ในกีฬามวยสากลระดับมหาลัย ก็เกิดกับผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ รับไม่ได้ โดยแพ้ในรอบรองชนะเลิศให้กับ ทรงศักดิ์ แก่นท้าว (เหรียญทองซีเกมส์ 5 สมัย) คือ ต่อยไปคะแนนไม่ขึ้น แพ้แบบสูสี ได้ทำการประท้วงแต่ก็ไร้ผล รู้เสียใจมากและที่สำคัญในครั้งนี้ได้ซ้อมและเตรียมตัวดีมากกว่าทุกครั้ง
ปีที่ 7 ปี 2542 ป.โท ปี 3 ปีสุดท้ายที่สามารถแข่งให้กับมหาลัยและแข่งกีฬามหาลัยแห่งประเทศไทย ตามที่กำหนดไว้ ไว้ คือ ป.ตรี ไม่เกิน 4 ปี ป.โท ไม่เกิน 3 ปี ในปีนี้ ผมลงแข่ง 3 รายการ ชิงแชมป์ประเทศไทย กีฬาแห่งชาติและกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย แต่ผมเน้นมุ่งให้ความสำคัญกับ กีฬามหาลัยแห่งประเทศไทย
-กีฬาแห่งขาติ
เริ่มต้นกีฬาแห่งชาติ เกาะแก้วเกมส์ ที่ระยองเจ้าภาพ ผมต่อยให้เขต 3 สุรินทร์ คือ ไปคัดเพื่อเป็นตัวแทนเขต 3 สุรินทร์ ผมคัดชนะแชมป์เก่า เขต 3 อุบลที่ได้เหรียญทองกีฬาแห่งชาติที่ จังหวัดตรัง เมื่อปีก่อน ผมไปคัดแทบไม่ได้ซ้อมเลย แต่จังหวะมันให้ผมเลยชนะ เป็นตัวแทนเขต 3 และผมได้ตกลงกับสุรินทร์ ว่าได้เหรียญทองขอ 50,000 บาท ถ้าเหรียญรางวัลอื่นไม่ขอรับ ส่วนการซ้อมค่าทีพัก ดำเนินการเอง และในครั้งนี้ผมรับผิดชอบหมด และ ผมได้เข้าชิงเหรียญทองกับ แก้ว พงษ์ประยูร (อดีตเหรียญเงินโอลิมปิค) ลงแข่งให้เขต 6 เพชรบูรณ์ และก็ชนะได้เหรียญทอง (ผมลงแข่งครั้งเดียวกีฬาแห่งชาติ)
- ชิงแชมป์ระเทศไทย
ผมลงแข่งในนามสโมสรโอสถสภา โดยคนทำทีม พี่กบ ฐากูร ผ่องสุภากับครูผ่อง ทวี อัมพรมหา (ข่าวผ่อง สิทธิชูชัย) ในครั้งนั้นผมแทบไม่ได้ซ่อมสักเท่าไหร่ ชนะถึงรอบรองชนะเลิศ มี 4 คน คือ ผม ทรงศักดิ์ แก่นท้าว (สโมสรกองทัพอากาศ) แก้ว พงษ์ประยูร (สโมสรกองทัพภาคที่ 3) และ ไสว ไกรศรี (สโมสรกองทัพบก) ทั้ง 3 คน เก็บตัวให้กับทีมชาติทั้งหมด นอกจากผม ในรอบรองชนะเลิศผมแพ้ ทรงศักดิ์ แก่นท้าว ซึ่งใน 2 ยกแรกต่อยสู้ผมไม่ได้เลย แต่ยก 3 โดนต่อยท้องช๊อตครับเรียบร้อยตัวแข็งทื่อหนีไม่ออก แต่พอลงมาจากเวที ทรงศักดิ์ แก่นท้าว ยอมรับในฝีมือการต่อยของผม ว่าในประเทศในเวลานี้ไม่มีใครสู้ผมได้ ถ้าผมมีร่างกายที่สมบูรณ์ และทรงศักดิ์ แก่นท้าว ก็แพ้ในรอบชิงให้กับ ไสว ไกรศรี ที่ชนะ แก้ว พงษ์ประยูร ในรอบรอง (ผมลงแข่งชิงแชมป์ประเทศไทย 2 ครั้ง ครั้งแรก ถอนตัวในรอบที่ 3 ไม่สบาย ครั้งที่2 แพ้รอบรอง)
- กีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย และเป็นครั้งสุดท้ายของผมและตั้งใจที่จะเลิกต่อยมวยสากลด้วยผมจึงตั้งใจซ้อมเต็มที่ ในรอบแรกเจอของแข็ง เลยกับอดีตแชมป์เยาวชนแห่งชาติ ของเกษตรศาสตร์ แต่ก็ชนะแบบสบาย ในรอบที่ 2 รอบ 16 คน ต่อยชนะสบาย รอบทึ่ 3 รอบ 8 คนก็ไม่เหนื่อย แต่ในรอบรองชนะเลิศ เจอของหนักแชมป์ประเทศไทย ไสว ไกรศรี แข่งให้ม.ศรีปทุม และผมชนะ ในรอบชิง ผมต่อยกับแชมป์เยาวชนแห่งชาติ ของพระนครเหนือเขามีความสด เรามีความเก๋า สูสีมากและชนะด้วยหมัดสุดท้ายและผมก็ได้รับชัยชนะมวยสากลสมัครในครั้งสุดท้าย (กีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย 7 ครั้ง ได้ 5 เหรียญทอง 2 เหรียญทองแดง)
สรุป ผมต่อยสากลครั้งแรกชนะและครั้งสุดท้ายชนะ ในระยะ 12 ปี 2530-2542